ระบบการสอนของเกอร์ลาชและอีลี (Gerlach and Ely)
ระบบการสอนของเกอร์ลาชและอีลีนับเป็นระบบการสอนที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วไปมีการแบ่งขั้นตอนออกได้เป็น
10
ขั้นตอน คือ
1.
การกำหนดวัตถุประสงค์ (Specification of
Objectives)
ระบบการสอนนี้เริ่มต้นการสอนด้วยการกำหนดวัตถุประสงค์ของการเรียนขึ้นมาก่อนว่าควรเป็น
“วัตถุประสงค์เฉพาะ” หรือเป็น “วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม”
ที่ผู้เรียนสามารถปฏิบัติและผู้สอนวัดหรือสังเกตได้
2.
การกำหนดเนื้อหา (Specification
of Content)
เป็นการเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมเพื่อกำหนดให้ผู้เรียนได้เรียนรู้และบรรลุวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมที่ตั้งไว้
3.
การประเมินพฤติกรรมเบื้องต้น (Assessment
of Entry Behaviors)
เป็นการประเมินก่อนการเรียน
เพื่อให้ทราบถึงพฤติกรรมและภูมิหลังของผู้เรียนก่อนที่จะเรียนเนื้อหานั้น ๆ
ว่า
ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถในเรื่องที่จะสอนนั้นมากน้อยเพียงใด ทั้งนี้เพื่อเป็นแนวทางในการที่จะจัดการเรียนการสอนได้อย่างเหมาะสม
4.
การกำหนดกลยุทธ์ของวิธีการสอน (Determination
of Strategy)
การกำหนดกลยุทธ์เป็นวิธีการของผู้สอนในการใช้ความรู้ เลือกทรัพยากร
และกำหนดบทบาทของผู้เรียนในการเรียน
ซึ่งเป็นแนวทางเฉพาะเพื่อช่วยให้สามารถบรรลุถึงวัตถุประสงค์ของการเรียนการสอนนั้น วิธีการสอนตามกลยุทธ์นี้แบ่งได้เป็น 2
แบบ คือ
4.1
การสอนแบบเตรียมเนื้อหาความรู้ให้แก่ผู้เรียนโดยสมบูรณ์ทั้งหมด
(expository
approach)
เป็นการสอนที่ผู้สอนป้อนความรู้ให้ผู้เรียนโดยการใช้สื่อต่าง ๆ
และจากประสบการณ์ของผู้สอน การสอนแบบนี้ได้แก่ การสอนแบบบรรยาย หรือการสอนแบบอภิปราย
โดยที่ผู้เรียนไม่จำเป็นต้องค้นคว้าหาความรู้ใหม่ด้วยตนเองแต่อย่างใด
4.2
การสอนแบบสืบเสาะหาความรู้หรือแบบไต่ถาม
(discovery
or inquiry approach)
เป็นการสอนที่ผู้สอนมีบทบาทเพียงเป็นผู้เตรียมสื่อและจัดสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง
ๆ ในการเรียน
เป็นการจัดสภาพการณ์ให้การเรียนรู้บรรลุตามจุดมุ่งหมายที่ตั้งไว้โดยที่ผู้เรียนต้องค้นคว้าหาความรู้เอาเอง
5.
การจัดแบ่งกลุ่มผู้เรียน (Organization
of Groups) เป็นการจัดกลุ่มผู้เรียนให้
เหมาะสมกับวิธีสอนและเพื่อให้ได้เรียนรู้ร่วมกันอย่างเหมาะสม
โดยจะต้องพิจารณาจากวัตถุประสงค์ เนื้อหา
และวิธีการสอนด้วย
6.
การกำหนดเวลาเรียน (Allocation
of Time)
การกำหนดเวลาหรือการใช้เวลาในการเรียนการสอนจะขึ้นอยู่กับเนื้อหาที่จะเรียน วัตถุประสงค์
สถานที่ และความสนใจของผู้เรียน
7.
การจัดสถานที่เรียน (Allocation
of Space)
การจัดสถานที่เรียนจะขึ้นอยู่กับขนาดของกลุ่มผู้เรียน
แต่ในบางครั้งสถานที่เรียนแต่ละแห่งอาจจะไม่เหมาะสมกับวิธีการสอนแต่ละอย่าง ดังนั้น
จึงควรมีสถานที่เรียนหรือห้องเรียนในลักษณะต่างกัน 3 ขนาดคือ
7.1
ห้องเรียนขนาดใหญ่ สามารถสอนได้ครั้งละ 50-300 คน
7.2
ห้องเรียนขนาดเล็ก
เพื่อใช้ในการเรียนการสอนแบบกลุ่มย่อยหรือการจัดกลุ่มสัมมนาหรืออภิปราย
7.3 ห้องเรียนแบบเสรีหรืออิสระ
เพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนตามลำพังซึ่งอาจเป็นศูนย์สื่อการสอนที่มีคูหาเรียนรายบุคคล
8.
การเลือกสรรทรัพยากร (Allocation
of Resources) เป็นการที่ผู้สอนเลือกสื่อการสอนที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์
เนื้อหา วิธีการสอน
และขนาดของกลุ่มผู้เรียนเพื่อให้การสอนบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
การเลือกใช้ทรัพยากรหรือสื่อการสอนสามารถแบ่งได้เป็น 5 ประเภทคือ
8.1
สื่อบุคคลและของจริง หมายถึง ผู้สอน
ผู้ช่วยสอน วิทยากรพิเศษ หรือของจริง
ต่าง ๆ เพื่อช่วยในการประกอบการสอน เป็นต้น
8.2 วัสดุและอุปกรณ์เครื่องฉาย เช่น ภาพยนตร์ แผ่นโปร่งใส สไลด์ ฟิล์มสทริป
ฯลฯวัสดุและอุปกรณ์เครื่องเสียง เช่น วิทยุ
เครื่องบันทึกเสียง ฯลฯ
8.3 สิ่งพิมพ์ เช่น หนังสือ
วารสาร รูปภาพ ฯลฯ
8.4 วัสดุที่ใช้แสดง เช่น แผนที่
ลูกโลก ของจำลองต่าง ๆ ฯลฯ
9.
การประเมินสมรรถนะ (Evaluation
of Performance)
เป็นการประเมินสรรถนะความสามารถและพฤติกรรมของผู้เรียนอันเกิดจากกระบวนการปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนกับผู้เรียนระหว่างผู้สอนกับผู้เรียน
หรือระหว่างผู้เรียนกับสื่อการสอน
การประเมินเป็นสิ่งสำคัญมากในการเรียนและเป็นกระบวนการขั้นสุดท้ายของระบบการสอนที่ยึดเอาวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้เป็นหลักในการดำเนินงาน
10.
การวิเคราะห์ข้อมูลป้อนกลับ (Analysis of
Feedback)
เมื่อขั้นตอนของการประเมินเสร็จสิ้นลงแล้วจะทำให้ทราบได้ว่าผลที่เกิดขึ้นนั้นเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้มากน้อยเพียงใด
ถ้าผลที่เกิดขึ้นนั้นไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์
ก็ต้องทำการวิเคราะห์ผลหรือย้อนกลับมาพิจารณาว่า
ในการดำเนินงานตั้งแต่ต้นนั้นมีข้อบกพร่องอะไรบ้างในระบบหรือว่ามีปัญหาประการใดบ้าง ทั้งนี้เพื่อเป็นแนวทางในการปรับปรุงแก้ไขระบบการสอนให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น